29 October 2009

Life after BB


บอกกับใครต่อใครว่า ไม่คิดใช้ Blackberry ด้วยความที่ไม่ชอบของใหญ่ (หมายถึงโทรศัพท์มือถือน่ะ) ที่สำคัญ 'รุงรัง' คือเต็มไปด้วยสารพัดปุ่ม น่าเวียนหัว อันที่อยากใช้จริงๆ คือ iPhone ดูน่าจะเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของผมมากกว่า คือเล่นเกม มัลติมีเดีย และโทรศัพท์ แม้จะใหญ่ แต่ก็บาง (ว่าไปนั่น)
ที่ใช้เป็นประจำก็คือ Nokia เปลี่ยนไปใช้อะไรต่อมิอะไร สุดท้ายก็ต้องมาจบที่โนเกียเจ้าเก่า คิดไปเองว่าคงเพราะเราชินกับความง่ายของมัน และมันก็ดันทำขึ้นมาให้ใช้ง่าย เลยทำอะไรก็ง่ายและชินไปหมด อย่างพิมพ์ข้อความยาวๆ ใน facebook เป็นต้น จนทำให้หลายคนงงว่า ทำไมพิมพ์ข้อความได้เร็ว และอัพเฟสบุ๊คบ่อยขนาดนั้น? ไม่ได้ใช้ bb แน่นะ?
คืองี้ครับ ผมสมัครแพ็กเกจเอาไว้ คือ 150 บาท ได้ sms 300 ข้อความ mms 30 ข้อความ และ gprs 30 ชั่วโมง ก็เหลือเฟือกับการเล่น fb อย่างเมามันในแต่ละเดือน และการจิ้มกดอักษรจากปุ่ม ก็ทำมาตั้งแต่การส่ง sms และจัดการข้อมูลต่างๆ ในชีวิตประจำวันลงในมือถือ ก็เลยทำให้พิมพ์มาก จนชิน ก็แค่นั้น!! ชีวิตผมก็เลยไม่ต้องง้อ bb
วันหนึ่ง ได้รับความกรุณาจากโนเกีย เป็น 5530 XpressMusic มาแทนของเดิม N79 ที่ใช้และรักมากจนหน้าจอแตกยับเยิน พอมาใช้ทัชสกรีนของโนเกียก็เลิฟเลย เพียงหน้าจอมันเล็กไปหน่อยสำหรับการเป็นมือถือระบบสัมผัส เพราะมันทำให้ไอค่อนเล็กตามไปด้วย จิ้มไม่ค่อยถนัด ต้องใช้สไตลัสจิ้มเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็เลิฟนะ จิ้มแล้วแม่น กดแล้วถูก อะไรต่างๆ ดูสมูทไปหมด ไม่เหมือนตอนที่เคยใช้มือถือปราด้า กะอีกยี่ห้อหนึ่ง หงุดหงิดรมณ์เสีย เวลาจะรีบโทร
ใช้ 5530 XpressMusic มาเพลินๆ สักพัก เจ้านายของผมเริ่มรู้สึกหงุดหงิดว่าทำไมไอ้นี่ยังจิ้มๆ หน้าจออยู่ได้ เดี๋ยวนี้เขาใช้ bb กันแล้วนะ ไอ้เราก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ในใจก็คิดโน่นนี่ไปตามประสา
แล้วสายวันหนึ่ง เจ้านายก็โทรเข้า 5530 XM เครื่องโปรด (และกำลังชินกับระบบสัมผัส) บอกว่าให้เปลี่ยนโปรมือถือโดยเร็ว "เอ๊ะ! อะไร!" อีกสักพักนายก็เข้ามาที่ออฟฟิต แล้วก็ยื่น bb Bold มาให้ นัยว่าเป็นของขวัญวันเกิดละกัน ขอบพระคุณมากครับ :)
ได้ bb Bold มาแล้วก็ยังไงล่ะ !?!?
ผมว่าชีวิตผมเปลี่ยนไปหลายๆ อย่าง บอกไม่ถูกว่าดีขึ้นหรือแย่ลง แต่คิดว่าก็คงดี เพราะประการแรกที่เห็นได้ชัดคือ เชิ่ดได้ เพราะมี bb เป็นใบเบิกทางความเก๋เท่ไม่ซ้ำแบบใคร (แต่ซ้ำกับทุกคนที่อยู่รอบตัว) จนมีคำพูดที่ว่า เดี๋ยวนี้เวลาจะจีบกัน เขาไม่ขอเบอร์โทรศัพท์แล้ว แต่จะขอ pin แทน ข้อต่อมา คือทำให้ผมเข้าใจชีวิตของสังคมเมืองใหญ่ๆ ที่ต่างคนต่างอยู่ ต่างไม่คุยกัน เอาแต่พิมพ์ๆๆๆๆ และก็พิมพ์ อาทิ เมืองโตเกียว
และก็ไอ้เรื่องพิมพ์นี่แหละ ปัญหาใหญ่ของชีวิต ทุกคนบอกว่าพิมพ์อักษรง่ายกว่าแบบปุ้มตัวเลขนัก สำหรับผมแล้วไม่เลย ต้องมานับหนึ่งใหม่ หลายคนบอกว่า มันก็เรียงตามแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ แต่สำหรับคนไม่ได้เรียนพิมพ์ดีดมามันก็ไม่ง่ายนะ เวลาจิ้มก็ต้องมองดูแป้นว่าตรงปุ้มหรือยัง นิ้วก็ใหญ่ กดทีนึงมักได้อักษรสองตัว คือแถมตัวข้างๆ มาให้ตลอด ป่านนี้แล้ว ครึ่งเดือน ก็ยังจิ้มผิดจิ้มถูก แต่เริ่มจิ้มได้เร็วขึ้น เพราะพยายามแชตบ่อยๆ แต่ก็ยังตะหงิดๆ อยู่ดีนะ
ข้อดีของความเป็น bb และเป็นจุดขายของเขามาตั้งแต่เริ่มแรกก็คือ push mail คือผูกเมล์งานออฟฟิตเข้ามาในมือถือเลย ก็จะรับ/ส่งอีเมล์ได้อย่างรวดเร็วและตลอดเวลา Blackberry Messenger หรือ bbm ก็เอาไว้เพื่อให้ติดต่อกันภายในองค์กรได้สะดวกขึ้น ดังนั้นสำหรับการทำงาน ที่เดี๋ยวนี้เริ่มติดต่อส่งอีเมล์กันมากขึ้น ก็เลยสะดวกในการทำงานข้างนอก เพราะเช็คเมล์ได้ทันที หรือจะคุยหรือฝากธุระให้ที่ออฟฟิต ก็ส่งข้อความผ่าน bbm ได้เลย
ทว่า... ปัจจุบันมีคนนำฟังก์ชั่นอีเมล์ และ bbm มาดัดแปลงใช้กับชีวิตในยุคแห่งการสื่อสารไร้สาย โดยผูกการแจ้งเตือนกับ fb เข้ากับ bb ทำให้อัพเดต fb ได้ตลอดเวลาและง่ายขึ้น (นิดนึง ในฐานะคนที่ใช้โนเกียมาก่อน) bbm ก็เอามาใช้แทน msn ติดต่อเพื่อนๆ ในลิสต์ได้ง่ายขึ้น (แต่ bbm เวอร์ชั่น 5 ก็ทำให้ติดต่อกันได้ยากขึ้นละ เพราะดีเลย์ตลอด) ทั้งทื่ใน bb ก็มี msn มาให้เช่นกัน กลายเป็นว่าทุกช่องทางการสื่อสารบนอินเตอร์เน็ตถูกยกมาไว้บน bb ก็เลยโดนใจวัยรุ่น คนรุ่นใหม่ ที่มีสังคมออนไลน์เป็นชีวิตที่สอง ชีวิตเราก็เลยจะห่างกันมากขึ้น แต่ก็ติดต่อกันได้ง่ายขึ้น (รวมทั้งรู้จักคนแปลกหน้าได้ง่ายขึ้นด้วย)
อีกเรื่องหนึ่งก็คือ การแชต หรืออัพเดต fb บน bb ทำให้ได้เห็นพฤติกรรมแปลกๆ อย่างเวลาไปเที่ยวกลางคืน ก็จะเห็นภาพคนกำลังเต้น ควบคู่ไปกับคนกำลังแชต bb (บางคนก็เต้นไปด้วย) อย่างเมามัน และ/หรือ กำลังถ่ายรูปเพื่ออัพโหลตจาก bb สู่ fb หรือแม้แต่ตอนทานข้าว ก็จะคุยกันน้อยลง และเม้าท์คนโน้นนี้ผ่าน bbm แทน
มาคิดดู เสียค่า gprs unlimited สำหรับ bb เดือนละ 650 บาท ไม่รวมค่าโทร + non voice + VAT และอื่นๆ เพียงเพื่อให้ออนไลน์ได้ตลอดเวลา เพื่อเอามาแชต เอามาเล่น fb โดยเฉพาะวัยนักเรียน นักศึกษา เขาไม่ได้เอามาติดต่องานผ่านอีเมล์แน่นอน ก็เลยคิดว่า มันดูจะไร้สาระไปมั้ย? ผมก็ว่า ผมกำลังไร้สาระกับ bb เข้าแล้ว...
แต่การใช้ bb ก็ทำให้ได้ข้อคิดอย่างหนึ่งว่า อีกไม่ช้าไม่นาน การสื่อสารไร้สายจะยิ่งจำเป็นต่อชีวิตคนเรามากขึ้น โดยเฉพาะคนเมือง ดูง่ายๆ ก็คือเดี๋ยวนี้โทรศัพท์มือถือพัฒนาให้ใช้งานมัลติมีเดียได้มากและง่ายขึ้น จนกลายเป็นคอมพิวเตอร์พกพาเครื่องย่อมๆ ไปแล้ว การเชื่อมต่อเน็ตไร้สาย จึงจะยิ่งจำเป็นต่อการใช้โทรศัพท์มือถือมากขึ้น โดยไม่ได้บอกว่ามันจำเป็นต่อการใช้งานของเราท่านหรือไม่
ผลก็คืออนาคตค่าเน็ตไร้สายก็จะถูกลงและไวขึ้น ...จะสงสารก็แต่บ้านเราที่ 3G จะยังไม่มีโอกาสได้ใช้ในเร็วๆ นี้ ทั้งที่ตอนนี้ โลกเรากำลังเริ่มมองไปที่ 4G กันแล้ว
ที่แน่ๆ ก็จะยิ่งทำให้เห็นพฤติกรรมแปลกๆ ของประชากรมากขึ้นๆ จนกลายเป็นเรื่องปกติไปในที่สุด
สรุป การใช้ bb ก็เหมือนกับการใช้ iPod ฟังเพลง ถามว่ายี่ห้ออื่นฟังก์ชั่นเลิศกว่ามั้ย ก็เลิศกว่า แต่คนก็ใช้ iPod เพราะเก๋ ดังนั้นหากตัด bb ออกจากชีวิต ผมก็อยู่เย็นเป็นสุขเหมือนเดิม เพราะเอาเข้าจริงมือถือเครื่องอื่นๆ ก็ทำอะไรๆ ที่ bb ทำได้เช่นกัน (แถมบางทีจะดีกว่าด้วยซ้ำ) ...แต่ก็ไม่ได้แย่ถ้าจะใช้ bb เช่นกัน (เพราะผมก็ใช้ iPod) เพราะตอนนี้มันเก๋ เหมือนมีจตุคาม :)