14 June 2014

สงสารทหาร

ผมชอบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และหัวหน้า คสช. มาตั้งแต่เห็นท่านในตำแหน่ง ผบ.ทบ. ผมชอบที่ท่านมีท่าทางของความเป็นทหาร คือไม่ต้องตอบคำถามเอาใจสื่อ เอาใจชาวบ้าน เป็นแนวทหารห่ามๆ ชอบคือชอบ ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ อะไรที่ตอบไปแล้ว ไม่ชอบให้ถามซ้ำไปมา ซึ่งนักข่าวสายทหารและการเมืองนิยมการถามคำถามวกไปวนมา ซึ่งก็เป็นวิธีหาข่าวของนักข่าว (ที่ค่อนข้างน่าเบื่อ)

ผบ.ทบ. ตรงไปตรงมากับความจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์ และความเป็นไปของบ้านเมือง ที่ไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งกัน ท่าออกมากล่าวถึงเรื่องความขัดแย้งในบ้านเมืองมานาน ว่าขอให้ทุกฝ่ายปรองดอง ยุติความขัดแย้ง และทหารจะขอไม่ยุ่งเกี่ยวในความขัดแย้งของทั้งสองฝ่าย

ผลคือ ทั้งสองคู่ขัดแย้ง ก็รุมด่า เรียกว่าเตือนไปทางนั้น อีกทางก็ด่า ไปยืนข้างนายกฯ อีกฝ่ายก็ด่า แต่ลึกๆ ต่างฝ่ายต้องการให้ทหารมายืนข้างตน

พลันเมื่อความขัดแย้ง มาถึงจุดเผชิญหน้า และใกล้เข้าสู่แตกหัก เพราะ "ทั้ง 2 ฝ่าย" ต่างไม่ยอมกันและกัน แนวโน้มึวามรุนแรง และสงครามกลางเมืองใกล้ปะทุ ชาวบ้านร้านช่องต่างก็ทราบดีถึงข้อนี้ ทหารจึงต้องดำเนินการอะไรสักอย่าง ในญานะที่ทั้งวิงวอน ทั้งเตือน และทั้งขู่ทั้งสองฝ่ายมานาน

จนเกิดการรัฐประหาร อย่างที่ทราบกัน

ผมไม่ชอบการรัฐประหาร เพราะรัฐประหาร คล้ายกับการใช้กำลังบังคับขืนใจให้จำยอม มันทำให้เราไม่เรียนรู้ที่จะเจรจา ไม่เรียนรู้ที่จะทำอะไรเพื่อบ้านเพิ่อเมืองอย่างที่ควรจะเป็น และการรัฐประหาร บางครั้งก็ไม่ได้ราบรื่นเสมอไป ถ้าเป็นไปในทิศทางที่คนต่อต้านรัฐประหารลุกขึ้นสู้ด้วยกำลังล่ะ บ้านเมืองก็เลี่ยงที่จะเกิดสงครามระหว่างคนในชาติด้วยกันไม่ได้อยู่ดี ...แต่ประเทศไทยโชคดี ที่การรัฐประหารครั้งนี้ราบรื่น

(อนึ่ง ผมไม่เคยชอบ ประชาธิปไตย ที่ให้ประชาชน ได้ใช้อำนาจผ่านการเลืองตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบไทยๆ ที่เหล่า ส.ส. ต่างต้องเคารพในมติพรรค เดินตามแนวทางของพรรคการเมือง ที่พรรคการเมืองก็ชอบอ้างความชอบธรรมที่มาจากเสียงของประชาชน ...ผมเลือก ส.ส. เพราะผมต้องการให้ ส.ส. ทำงานเพื่อราษฎรในท้องถิ่น ไม่ใช่ทำงานเพื่อพรรคการเมือง ผมจึงไม่เคยเคารพในตัวนักการเมือง ไม่เคยเคารพในตัว ส.ส. และรังเกียจการนอบน้อมต่อนักการเมือง)

ผมไม่ได้ดีใจ ที่เกิดการรัฐประหารครั้งล่าสุดนี้ แต่ผม "สบายใจ" ที่ไม่ต้องตกอยู่ในสภาพที่ต้องคอยกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อชีวิตของผม ต่อครอบครัว และต่อบ้านเมืองที่ผมอาศัย ผมต้องขอบคุณ ผบ.ทบ. ที่ตัดสินใจเด็ดขาดทำรัฐประหาร เพราะการรัฐประหารครั้งนี้ ได้ "ยุติ" การเผชิญหน้าจนหมดสิ้น แต่แม้การเผชิญหน้าหมดไป ก็ไม่ได้หมายความว่าคนในชาติกลับไปรักกันเหมือนที่เคยเป็นมา เพียงแค่ย้อนกลับไปสู่ก่อนการเผชิญหน้า ที่ยังคุกกรุ่น และพร้อมจะเผชิญหน้ากันอีก ...คุณๆ คงรู้สึกได้เอง

หลายคนที่เคยด่าทหาร ที่ไม่ออกมาเข้าข้างตนสักที พอสบโอกาสที่รัฐประหาร ก็เหมาเอาว่าทหารเข้าข้างตน กำจัดรัฐบาลอันเป็นศัตรู ต่างส่งเสียงดีใจ และรักทหาร ทำนองเดียวกันก็เยาะเย้ยอีกฝ่าย ที่ถูกเรียกตัว กักกัน และถูกจับ ทั้งที่ในความเป็นจริง เหตุผลในการรัฐประหาร ที่ ผบ.ทบ. ที่เป็นหัวหน้า คสช.อีกตำแหน่ง กล่าวย้ำเสมอว่า ที่ทำรัฐประหาร ก็เพื่อยุติความขัดแย้ง และเพื่อให้คนไทยกลับมารักกัน ปรองดองกัน

เอาจากที่เห็นแค่บนเฟสบุ๊ค และทวิตเตอร์ ต่างฝ่าย ต่างก็ยังด่าอีกฝ่าย เหมือนก่อนเกิดรัฐประหาร สะใจที่อีกฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ ที่ตลกก็คือ หลายคนมองว่า ใครต้านรัฐประหาร ถือว่าเป็นฝ่ายเลว ซึ่งข้อหลังนี้ผมว่ามันแปลกดี ผมถือว่าเป็นสิทธิของพวกเขาที่จะแสดงออกในวิธีของเขา (แต่แสดงออกแล้วจะถูกจับกุม หรืออะไรก็เรื่องของเขา) เหมือนที่ผมถือว่าการแสดงออกของมวลมหาประชาขนที่เดินขบวนต่อต้านนิรโทษกรรมก็เป็นสิทธิที่พึงกระทำ หรือสิทธิที่ออกมาปิดถนนทั้งของเสื้อแดง (2553) และกปปส.(2556-2557) ที่มันไม่ควรจะถูกต้องแต่ทั้งสองฝ่ายก็อ้างว้ามีสิทธิ

ผมเองก็แสดงออกว่าไม่ขอบรัฐประหาร ในแบบของผม คือการพิมพ์ให้ได้ทราบทั่วกัน แต่ผมก็มีเหตุผลที่จะรู้สึกสบายใจดีกับการรัฐประหารครั้งนี้ เช่นเดียวกับเหตุผลที่หัวหน้า คสช.ท่านได้แจ้งเอาใว้ ในสถานการณ์ที่ทั้งไม่ชอบ และสบายใจกับการรัฐประหารครั้งนี้ ก็เลยลงท้ายด้วยความ "เฉยๆ"

ผมว่า ทั้งสองฝ่าย ไม่สนใจเรื่องปรองดอง ยังคงสนใจว่าใครจะเป็นผู้ชนะเบ็ดเสร็จ การจับมือปรองดอง ยุติบทบาทของพวกเสื้อแดง เป็นแค่การแสดง ตราบเท่าที่นักการเมือง คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังความขัดแย้งยังไม่ยุติ และปรองดองกันอย่างแท้จริง เดี๋ยวละครบทเดิมก็กลับมาอีก

ข้อความที่พร่ำบอกว่ารักทหาร ก็เป็นแค่ผลประโยชน์จากที่ประชาชนกลุ่มหนึ่งได้รับ และรู้สึก เพราะจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นใครที่บอกว่ารักทหาร จะยอมปรองดองเพื่อเหล่าทหารอันเป็นที่รักสักราย (จะไปบอกว่าอีกฝ่ายไม่ปรองดองด้วย ไม่ใช่เหตุผลครับ เรื่องแบบนี้ ควรเริ่มต้นที่ตัวเราเองก่อน)

ผมสงสารทหารครับ


ปล. ผมไม่ได้ต้องการให้ใครมาเชื่อ หรือคล้อยตาม ทุกคนสามารถคิดเองได้ครับ ข้อความของผม ก็แค่เป็นหนึ่งเสียงเล็กๆ ในสังคมนี้ ที่ไม่อยากให้ใครขัดแย้งกันเพราะการเมือง