24 March 2014

เหยื่อ

ผมโพสต์สเตตัสบนเฟสบุ๊คเกี่ยวกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เกี่ยวกับการเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ดังนี้


"ได้อ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก็ชัดเจนในระดับหนึ่ง และรับได้กับคำวินิจฉัยให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ เพราะศาลฯ มุ่งพิจารณาที่ประเด็นเลือกตั้ง ไม่ได้พิจารณาเหตุที่ก่อให้เกิดประเด็นให้ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอให้ศาลฯพิจารณา (ใครที่คิดว่า "ครั้งนี้" ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไม่เป็นธรรม น่าจะลองอ่านข่าวจาก ลิ้งก์นี้ ให้จบก่อน)

อย่างไรก็ตาม มีเหตุใคร่รู้ (สาบานว่าไม่รู้จริง) คือ ที่เขาร้องเรียนว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินไม่มีอำนาจเสนอเรื่องนี้ และศาลฯ ก็ไม่ควรรับพิจารณานั้นจริงเท็จเป็นอย่างไร

ข้อสงสัยต่อมาคือ เหตุให้เกิดการไม่สามารถเลือกตั้งครั้งนี้ขึ้นในวันเดียวได้ ที่เราท่านทราบกันดี คือมีการขัดขวางการสมัครรับเลือกตั้ง ประเด็นนี้ควรมีการจัดการอย่างไรเพื่อเป็นบรรทัดฐานในอนาคต ส่วนตัวคิดว่าสำคัญ หากวันหนึ่งกลายเป็นเสื้อแดงออกมาขัดขวางการเลือกตั้งของรัฐบาลฝ่ายตรงข้ามแบบอหิงสาบ้าง แล้วจะเป็นอย่างไร จะรู้สึกกันอย่างไร

คำถามสุดท้าย แล้วคะแนนกว่า 20 ล้านเสียงที่ลงไปในวันเลิอกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ ที่ถูกวินิจฉัยให้เป็นโมฆะ จะทำอย่างไรล่ะ ถึงจะโมฆะ แต่ก็เป็น 20 ล้านเสียงของประชาชน (อันนี้เป็นคนละประเด็นกับการถามถึงผู้ที่ต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้)"



ไม่ทันข้ามคืน น้องที่สนิทกันมานานก็โพสต์ข้อความบนสเตตัสของเขา ดังนี้


"รู้สึกสมเพชกับสเตตัสของคนบางคน ที่อุตส่าห์ใช้วาทะกรรมอันสวยหรู ใช้ภาษานักเขียนอย่างดิบดี แต่เนื้อความนั้นแสนตื้นเขิน... ยังต้องให้ตอบกันอีกหรือว่าถ้าวันนึงเสื้อแดงออกมาขัดขวางการเลือกตั้งแบบสันติ-อหิงสาบ้าง แล้วจะเป็นอย่างไร (ซึ่งคงจะไม่มีวันนั้น m79ที่กระหน่ำยิงใส่ศาลและบ้านผู้พิพากษาคุณกล้าบอกหรือว่าแดงไม่ได้ทำ?) 20ล้านเสียงที่ลงคะแนนไปแล้วก็เป็นเสียงของประชาชน (นี่ก็คงฟังมาจากบรรดานักวิชาการลวงโลกขายวิญญาณอย่างไอ้วีรพัฒน์มาอีกที) บลาๆ... บทสรุปง่ายๆสั้นๆคือ "คนโง่มักอวดฉลาด" การพูดจาแบบนี้ถือเป็นการดูหมิ่นอำนาจการตัดสินของศาล (ซึ่งนิสัยไม่ต่างกับเสื้อแดง) และดูถูกคนอีกหลายสิบล้านคนที่เค้าออกมาเสียสละทั้งเวลา แรงกาย แรงใจ นอนกับดิน กินกับทราย เสียสละกำลังทรัพย์ด้วยจิตศรัทธา หวังจะให้ประเทศได้เดินหน้า ขจัดระบอบทักษิณให้หมดสิ้นจากแผ่นดินไทย จากที่อ่านดู หลายคนมักจะออกตัวแรงไว้ก่อนว่าตนไม่ใช่เสื้อแดง แต่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของ กปปส. และไม่ชอบ พรรคปชป. ไม่ชอบคุณสุเทพ ฯลฯ แต่คุณรู้ไม๊ว่า นิสัยที่ดีแต่วิพากษ์วิจารณ์ว่านู่นก็ไม่ดี นี่ก็ไม่ดี มันคือการที่ "มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ"อย่างมาก มันคือการบั่นทอนความเจริญของสังคมและชาติบ้านเมืองที่มีคนที่คิดอย่างคุณอยู่ คุณจงมองดูชีวิตตัวเองเถอะว่า ทุกวันนี้คุณเกิดมาได้เคยทำอะไรที่คุณได้รู้สึกภาคภูมิใจในตัวคุณเองบ้าง (นอกจากการได้รับเชิญไปงานอีเว้นท์เก๋ๆมากมาย) คุณตื่นเช้ามา คุณมองเข้าไปในกระจกแล้วคุณเห็นอะไรในนั้น... ลองนั่งย้อนมองชีวิตที่ผ่านมาจนเกือบจะ40ปีดูสิว่าเคยทำอะไรที่ประสบความสำเร็จกับเค้าบ้าง หากทุกวันนี้ การที่คุณได้แต่นั่งเขียนสเตตัสเพื่อหวังที่จะบอกให้โลกรู้ว่าฉันฉลาด ฉันเก๋ ฉันคิดต่าง ขอบอกไว้เลยว่านั่น.. ไม่ได้ทำให้ชีวิตคุณดีขึ้นมาเลย ตรงกันข้าม คุณกลับจะได้รับความสมเพชเวทนาจากคนที่ต้องมานั่งทนอ่าน (เพราะเขาอาจจะหลวมตัวมาเป็นเพื่อนกับคุณในเฟซบุ๊ค) ชีวิตที่ยังเหลือ คุณก็ยังจะใช้ให้มันหมดไปอย่างไร้ค่าแบบนี้น่ะหรือ? น่าจะลองหยุดคิดดูบ้างนะ (ขออภัยถ้าหากจะมีใครที่กระทบกระเทือนจากสเตตัสนี้ และคุณสามารถ unfriend ผมไปได้เลยด้วยความยินดี)"


ผมไม่แน่ใจว่าเป็นความตั้งใจเขียนถึงผมหรือบังเอิญมาพ้องกับสิ่งที่ผมเขียนพอดี  


เมื่อผมไม่แน่ใจ ผมจึงอยากขอความเห็นจากท่านที่ได้เข้ามาอ่านบล็อคนี้ ว่าสิ่งที่ผมเขียน เป็นไปตามที่น้องเขาเขียนถึงหรือเปล่า เพราะผมเองรู้สึกเสียใจ หากเขาเขียนถึงผม เนื่องจากผมมักบอกกับใครๆ ว่า ไม่อยากให้คนรู้จักกัน เกลียดกันเพราะเรื่องการเมืองที่เกิดขึ้นเวลานี้ มันเป็นการเมืองที่อาศัยมวลชนเข้าต่อสู้กัน ถ้าอยากเกลียด ขอให้เกลียดแกนนำฝ่ายตรงข้าม ประชาชนอย่างเราท่านคือผู้รบสารปลายทาง

ย้ำอีกที่ว่าผมอยากรู้จริงๆ ไม่ใช่รู้แล้ว แต่แกล้งไม่รู้

09 March 2014

เมื่อชาติเสียหาย ใครรับผิดชอบ

กลุ่มเทียนขาวควรไปเรียกร้องให้นปช.เลิกการแบ่งแยกดินแดน เพราะนั่นคือแนวคิดที่นอกจากจะก่อให้เกิดความรุนแรง ยังทำให้เกิดความแตกแยก

แกนนำนปช.จะแค่ให้สัมภาษณ์ว่าไม่มีแนวคิดในการแบ่งแยกดินแดนไม่ได้ เพราะมีหลักฐานชัดเจนทั้งภาพ และคำพูดของคนระดับหัวหน้า แกนนำนปช.ถ้าจะพิสูจน์ความจริงใจก็ควรปลด และส่งตัวคนที่มีแนวคิดแยกดินแดนให้ไปรับโทษ ...นี่ไม่ใช่การกล่าวหา หรือกลั่นแกล้ง แต่เป็นสิ่งที่พวกคุณทำตัวเอง

เหมือนเช่นที่รํฐบาลทำตัวเองเรื่อง พรบ.นิรโทษกรรม และเรื่องจำนำข้าว แต่กลับจะโยนความผิดที่ปลายเหตุให้ผู้อื่น

ส่วนกปปส.ก็ต้องรับผิดชอบในการปิดกรุงเทพ ที่นอกจากจะไม่ทำให้นายกฯลาออก หรือไม่มีการเลือกตั้งได้ ยังทำให้เกิดการสูญเสียชีวิต และทรัพย์สิน เดือนร้อนกับผู้ที่ถูกผลกระทบในการปิดกรุงเทพ และที่สุดก็ต้องเลิกการปิดกรุงเทพ แต่ก็ไม่เห็นแกนนำคนไหนออกมารับผิดชอบ นอกจากแจกเงินครอบครัวคนตาย และโยนความผิดให้ฝ่ายตรงข้าม

อาทิตย์หน้ากปปส.จะตั้งเวทีปฏิรูปการเมือง อาทิตย์ที่ผ่านมาก็เพิ่งจะพูดถึงพิมพ์เขียวการปฏิรูป ทั้งที่จริงควรทำควบคู่กันไปกับการชุมนุม

ประชาชนทั้งสองฝ่ายได้แด่ความเพ้อฝัน ที่มาพร้อมกับความเคียดแค้น จากสิ่งที่แกนนำและโซเชียลเน็ตเวิร์คสุมเชื้อไฟไปเรื่อยๆ

ผมไม่มีคอมเม้นต์ว่าใครดีกว่าใคร ใครเลวกว่าใคร แต่ขอให้พวกคุณๆ ทั้งสองฝ่ายรอดูครับ รอดูว่าท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นไปอย่างที่แกนนำสร้างภาพฝันให้พวกคุณมั้ย

นปช. = แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ
กปปส. =  คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

เพราะการเมืองก็คือการเมือง

04 March 2014

บันทึกหลังวันเปิดกรุงเทพ

เมื่อวานคือการสิ้นสุดการ #ปิดกรุงเทพ ที่ต้องบอกว่า "กปปส.ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง" เนื่องจากเป้าหมายคือการบีบให้นายกรัฐมนตรีลาออก เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปประเทศต่อไป รวมทั้งการปฏิรูปก็จะต้องเกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้ง 

ตลอดเวลาเดือนครึ่งของการปิดกรุงเทพ แม้กปปส.อาจมีส่วนทำให้รัฐบาลล้มเหลวในการบริหารงาน แต่รัฐบาลก็ไม่ได้ลาออกตามวัตถุประสงค์ นอกจากนี้ ในระหว่างการปิดกรุงเทพก็ยังเกิดการเลือกตั้งขึ้นได้ (แม้จะมีการเรียกร้องให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะก็ตาม - และส่วนตัวก็มองว่า การที่หลายคนหยิบเอาเรื่องการเลือกตั้งผ่านมาครบ 30 วันมาเป็นประเด็นการรักษาการของรัฐบาล ก็เท่ากับยอมรับว่ามีการเลิอกตั้ง)

นอกจากการปิดกรุงเทพจะไม่บรรลุตามวัตถุประสงค์โดยสิ้นเชิง ยังทำให้เกิดความสูญเสียทั้งทางร่างกาย ทรัพย์สิน และเศรษฐกิจ ทั้งยังเติมเชื้อความขัดแย้งให้แกสังคม (จากทั้งสองฝ่ายที่ขัดแย้งกัน) ทั้งหมดคือความจริงที่ต้องยอมรับ

ถ้าไม่เชื่อ ก็ลองถามตัวเองดูสิว่า เราได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน จากการ "ปิดกรุงเทพ" และแน่หรือที่เราพบทางออกที่แท้จริงของประเทศไทย จากนั้นค่อยๆ คิดหาคำตอบที่แท้จริง ที่ไม่ได้เอนเอียงใปตามความรู้สึก

นี่ไม่ต้องพูดถึงความรับผิดชอบที่ผู้ก่อกิจกรรมควรแสดงความรับผิดชอบในความล้มเหลวที่เกิดขึ้น เพราะไม่มีแน่นอน เนื่องจากแกนนำก็ประกาศชัดแล้วว่า ที่เลิกการปิดกรุงเทพนั้นเพราะประสบความสำเร็จแล้ว ?!?!

เราควรจำไว้อีกครั้งหนึ่งว่า การกระทำการด้วยการปิดล้อม นับตั้งแต่ พมธ.ปิดทำเนียบและสนามบิน จนถึง นปช.ปิดราชประสงค์ และล่าสุด กปปส.ปิดกรุงเทพ ก็ล้วนไม่เกิดประโยชน์ หรือทำให้บ้านเมืองเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นได้เลย

การชุมนุม หรือความต้องการปฏิรูปประเทศให้ดีขึ้นของ กปปส. หรือแม้แต่การต่อต้านเผด็จการของ นปช.ล้วนเป็นความคิดที่ดีต่อประเทศทั้งสิ้น (ถ้าไม่มีอะไรแอบแฝง) แต่ก็อย่าลืมว่าเรามีวิธีเรียกร้อง และปฏิรูปในอีกหลายช่องทาง โดยเฉพาะช่องทางที่เป็นไปตามกติกา ที่ผมเชื่อว่าแกนนำทุกท่านก็รู้อยู่แก่ใจ

จะยอมใหัใครคนใด หรือกลุ่มใด ปลุกระดมคนในบ้านให้ลุกขึ้นมาทำลายบ้านตัวเองอีกงั้นหรือ...