ถึงสถานีสะพานตากสิน แม่ค้าแม่ขาย กำลังกุลีกุจอตระเตรียมร้านรวง เหมือนจะรีบ แต่ก็ดูไม่ซีเรียส บางก็นั่งพัก ทอดสายตาอย่างอารมณ์ดี ก็เลยไปซื้อขาเย็นกับแม่ค้าติดบันไดรถไฟฟ้าเป็นประเดิม
ถ้าเป็นวันปกติ เวลา 7.33 น. เหมือนเช่นภาพบน ก็คงคึกคักน่าดู เพราะอย่างที่รู้ บางรักก็เป็นหนึ่งในย่านค้าขายที่จอแจวุ่นวาย ถนนก็แคบ ทางเท้าก็เล็ก มีทั้งตลาด มีทั้งป้ายรถเมล์ มีทั้งท่าเรือ น่าเวียนหัวดี ปกติผมก็ชอบอะไรที่จอแจ (บ้าง) แต่ไม่วุ่นวาย เหมือนเวลาเดินห้างแล้วคนเยอะเป็นหนอน แถมมีเสียงอะไรต่อมิอะไร อย่าง เสียงเพลงเสียงโทรโข่งแต่ละร้าน เสียงคน เสียงจากลำโพงในห้าง แบบนี้สิวุ่นวายอย่างที่ทำให้อารมณ์เสีย แต่อย่างวุ่นวายแบบตลาด กลับรู้สึกชอบ เช้านี้ร้านรวงยังปิด และปิดเกือบหมดทุกร้านในย่านนี้ ก็เลยรู้สึกแปลกๆ เพราะอย่างที่บอก แทบไม่เคยเห็นเลย
ถนนก็โล่ง สบายใจ...
มาถึงซอยที่ขายกระเพาะปลาแล้วครับ ซอยนี้อยู่ตรงข้ามตึกสเตรท ทาวเวอร์ ที่ตั้งของโรงแรมเลอบัว และภัตตาคารซิร๊อคโค่ บนดาดฟ้า ร้านกระเพาะปลา เป็นห้องแถวห้องเดียว ขายกระเพาะปลาที่มีสาขาออริจินัลอยู่ที่แถวศาลเจ้าพ่อเสือ แม่บอกว่า ที่นี่ก็จะไปเอากระเพาะปลาจากร้านออริจินัลมาขายที่นี่ ก็คือไม่ได้ปรุงกันที่บางรัก มีหน้าที่ตักใส่ชาม ใส่ถุงขายอย่างเดียว ลูกค้าก็เยอะแยะ เคยมาซื้อกับแม่ครั้งสองครั้ง โหย คิวยาวน่าดู ขายแป๊บเดียวก็หมด ทว่า วันนี้มาเช้าเกิน มีแต่ร้านเปิดไว้โล้นๆ ไม่มีคน ไม่มีกระเพาะปลา ...อ้าว.... เซ็ง!!
เฮ้อ มาเช้าไปหรือนี่! ได้เราก็นึกว่าเวลานี้เวลาเด็ด อาจจะเป็นคิวแรก ที่ไหนได้ เป็นคิวที่ศูนย์ คืออดแดก - พี่พลอย จริยะเวช ส่งข้อความมาในเฟสบุ๊ค ว่าอยากทานบ้าง ก็เลยตอบไปว่ามาเช้าเกินไม่มีอะไรขาย พี่ท่านก็ตอบกลับมาว่า งั้นอย่าลืมขนมที่ร้านปั้นลี่ ก็บอกท่านพี่กลับไปว่า ไม่มีอะไรขายน่ะ ไม่ใช่แค่กระเพาะปลา แต่ไม่มีอะไรใดๆ รวมทั้งปั้นลี่ร้านโปรด ที่แต่ก่อนใครผ่านมาแถวนี้ก็มักแวะซื้อคุ๊กกี้เม็ดมะม่วงหิมพานต์มาฝาก (แต่หลังๆ นี้ผมว่ามันไม่ค่อยอร่อย ชิ้นเล็กลง และเม็ดมะม่วงก็น้อยลง ซึ่งก็ผ่านมาหลายปีละ ไม่รู้เดี๋ยวนี้จะเป็นยังไง) แต่ก็ไม่ไร้ซึ่งอะไรใดๆ ติดมือกลับบ้าน เพราะยังเหลือโจ๊กบางรัก หรือโจ๊ก (โรงหนัง) ปริ๊นซ์ ขายมาตั้งแต่เช้า ผมไม่ค่อยรู้จักโจ๊กร้านนี้หรอก เพราะพ่อกับแม่ไม่ค่อยชอบโจ๊กใสๆ ชอบโจ๊กข้นๆ แบบโจ๊กตลาดน้อย หรือโจ๊กพาหุรัด แต่ที่นี่แม้โจ๊กจะใส แต่เขาดังเรื่องหมูสับก้อนชิ้นใหญ่ยักษ์ ที่เอามาหันแบ่งย่อยๆ ได้ 4-5 ชิ้นขนาดปกติที่ร้านโจ๊กอื่นๆ ขายกัน มองดูออฟชั่นจากทางร้าน ผมว่าใส่ตับก็เข้าท่า เพราะดูน่าทานดี แต่บังเอิญผมไม่ทานตับ ก็ผ่านไป
คุณพี่คนขายแต่งตัวแต่งหน้าสีจัดจ้าน อย่างที่บอกตอนดูผักผลไม้ ว่าได้เห็นอะไร สีสดๆ ยามเช้าแบบนี้ก็ดูสบายใจดี คุณพี่ดูเหมือนจะต้องเสียงดัง โวยวาย อารมณ์ร้าย ตามเสื้อผ้าหน้าผม ที่มักคุ้นกันในละครหลังข่าว เรียกว่าตรงตามสูตรตัวร้ายเลยล่ะ จริงๆ กลับยิ้มแย้ม ร่าเริง อารมณ์ดี แม้คนเข้าคิวรอจะเยอะและวุ่นวาย ...เช้านี้มีแต่เรื่องดีๆ เฮะ
ได้โจ๊กใส่ไข่มาสามถุง รสชาติไม่เลวร้าย หมูสับก้อนชิ้นยักษ์ แต่แนะนำให้เอากลับมาอุ่นที่บ้านครับ จะได้ร้อนๆ ทั้งโจ๊กและเนื้อหมู (ร้อนไปถึงข้างในก้อนหมู เนื่องจากหมูสับชิ้นใหญ่ ข้างในเลยไม่ค่อยร้อน แต่ก็สุก) กดภาพถ่ายสุดท้ายก่อนกลับบ้าน จากบนชานชลารถไฟฟ้า สถานีสะพานตากสิน รถก็ยังโล่งเช่นเคย เป็นความสงบ และได้ใช้ชีวิตกับตัวเองจริงๆ อีกครั้ง
No comments:
Post a Comment