15 July 2009

เกร็ด หวัด ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ และไข้หวัดใหญ่ 2009

เมื่อตอนสายของวันนี้ ไปหาคุณหมอที่โรงพยาบาลเซ็นต์หลุยส์ ด้วยอาการคล้ายเป็น หวัด (common cold) คือเจ็บคอ และมีน้ำมูก ที่โรงพยาบาล ผู้ใช้บริการก็คาดหน้ากากกันเป็นส่วนใหญ่ ก็คงด้วยกลัวว่าจะรับเชื้อมากไปกว่าที่เป็นอยู่ เพราะรู้กันดีว่าถ้าคนไม่ป่วย คงไม่ไปโรงพยาบาลหรอก

พบคุณหมอเพื่อวินิจฉัยโรค ก็ตามที่คาดไว้คือสันนิษฐานว่าเป็นหวัด ไม่ได้เป็นไข้หวัดใหญ่ (flu / influenza) ที่ต้องกระแดะพิมพ์อังกฤษ เพราะหลายคนมักจะเข้าใจรวมกันว่า หวัดก็ต้องเป็นไข้หวัด ยิ่งตอนนี้ก็ยิ่งต้องคิดว่าจะเป็นไข้หวัดใหญ่หรือเปล่า เพราะอาการหวัด กะไข้หวัดใหญ่ก็คล้ายกัน

ตรวจอาการเสร็จ คุณหมอก็ถามว่า "มีอะไรอยากถามมั้ยคะ" เดาว่า คนคงสงสัยเรื่องไข้หวัดใหญ่ 2009 กันเยอะ เพราะตอนวินิจฉัยอาการ หมอก็เทียบเคียงกับอาการของไข้หวัดใหญ่ 2009 โดยตลอด ก็เป็นโอกาสดี ที่จะได้ความรู้มาเล่าให้ฟังกัน ดังนี้

คุณหมอแนะนำว่า อาการเริ่มต้นอย่างการเป็นหวัด คือแค่เจ็บคอ หรือมีน้ำมูก มีเสมหะ แบบที่ผมเป็น ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีโอกาสเป็นไข้หวัดใหญ่ แนะนำให้รอดูอาการไปอีก 2-3 วัน จนถึงหนึ่งอาทิตย์ หากไม่มีไข้ขึ้นสูงมาก (คือมากกว่า 38 องศาเซลเซียส) ปวดเมื่อยเนื้อตัวจนแทบจะลุกไปไหนไม่ได้ และไข้ไม่ลด ก็ต้องรีบมาพบแพทย์โดยด่วน ***ควรมีปรอทวัดไข้ติดบ้านกันนะ***

ดังนั้น จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมหากเพื่อนๆ ในที่ทำงานหรือโรงเรียน ป่วยเป็นแค่หวัด คือเจ็บคอ ไอ มีน้ำมูก จึงควรคาดผ้าปิดปาก หรือที่ให้ถูกต้อง ควรพักอยู่กับบ้าน ดูอาการ เพราะมีสิทธิเป็นไข้หวัดใหญ่ตามมาได้

เพิ่มเติม: ในคนไข้ ที่เป็นไข้หวัดใหญ่โดยปกติ จะมีอาการควบคู่กันไป คือเจ็บคอ มีน้ำมูก และเป็นไข้ แต่ในบางกรณี อาจไม่มีไข้ในระยะแรกก็ได้

ไม่ควรทานยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อไวรัสเอง หรือยาลดไข้แบบแรงๆ (ในกรณีที่ไม่แน่ใจว่าเป็นไข้หวัดใหญ่) เพราะจะทำให้การวินิจฉัยโรคยาก ในเบื้องต้นควรรักษาตามอาการ เช่นถ้าเป็นหวัดมีไข้ก็ทานยาลดไข้ (แนะนำ พาราเซตามอล 2 เม็ด ในผู้ใหญ่ 1 เม็ดในเด็ก ...ตามที่ผมทราบมา: ไม่ใช่เป็นไข้นิดเดียวขอกินเม็ดเดียว หรือครึ่งเม็ดพอ เพราะต้องรับปริมาณยาตามน้ำหนัก)

ไข้หวัดใหญ่ 2009 ต่างจากไข้หวัดใหญ่ปกติ ตรงที่ไข้หวัดใหญ่ 2009 ติดต่อกันได้ง่ายกว่าไข้หวัดใหญ่ เนื่องจากคนส่วนใหญ่ยังไม่มีภูมิคุ้มกันไวรัสไข้หวัดใหญ่ 2009 จึงเป็นที่วิตกกันทั่วโลก ทว่าอาการของการเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 และการรักษาก็ไม่ต่างจากไข้หวัดใหญ่ปกติ

เป็นแค่หวัด ก็มีโอกาสอ่อนเพลีย เมื่อยเนื้อตัว และมีไข้ได้เหมือนกันนะ ...รักษาตามอาการจ้ะ อย่าวิตกจริต

คุณหมอเล่าว่า อาทิตย์นี้ คนไข้วิตกกันน้อยลงกว่าอาทิตย์ที่ผ่านมา อีกทั้งการตรวจพบว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ของคนไข้ที่มารักษามีน้อยกว่าอาทิตย์ที่แล้ว ถึงขนาดที่คุณหมอบอกว่า อาทิตย์ที่ผ่านมา เอาน้ำมูกคนไข้ไปตรวจแทบทุกรายจะเป็นไข้หวัดใหญ่ แต่จะเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 หรือเปล่าคุณหมอบอกว่าไม่ทราบ เนื่องจากต้องตรวจเป็นกรณีๆ ไป เพราะค่าตรวจแพงจริง

และอาทิตย์ที่แล้ว คนไข้ที่มาโรงพยาบาล คาดหน้ากากกันมากกว่าอาทิตย์นี้เสียอีก

ตอนไปหาหมอเมื่อเช้า พยาบาล จะซักอาการละเอียดกว่าปกติ เช่น มีไข้มั้ย เจ็บคอ น้ำมูกไหล ฯลฯ และนอกจากชั่งน้ำหนัก และตรวจความดันปกติ ก็จะให้ปรอทวัดไข้ด้วย เป็นต้น

สำหรับวิธีป้องกันการติดเชื้อเบื้องต้น และข้อมูลไข้หวัดใหญ่ 2009 ผมเคยคิดลอกจากเอกสารเผยแพร่ที่ไปได้มาจากฮ่องกงแล้วครั้งหนึ่ง ย้อนกลับไปอ่านได้ที่ http://kokoichi.blogspot.com/2009/05/human-swine-influenza.html และวิดีทัศน์เรื่องไข้หวัด 2009 http://kokoichi.blogspot.com/2009/06/blog-post.html

1 comment:

cotton said...

ขอบคุณมากๆค่ะ ได้ความรู้เรื่อง ไข้หวัด 2009 จากบล็อกนี้หลายอันแล้ว ขอเอาไปให้เพื่อนๆอ่านด้วยค่ะ