17 April 2009

เรื่องเซ็งๆ

ไม่ใช่เรื่องการเมืองหรอก อันนั้นเบื่อมาก เอียนมาก แต่เหมือนถูกบังคับให้ต้องอยู่กับความเบื่อ ที่ผ่านมาก็ไม่เคยอยากจะยุ่ง อยากจะเขียนถึงเลย แต่ก็กระหน่ำเข้ามาจนหลังๆ ต้องเขียนเพราะต้องการระบาย

ช่างเรื่องการเมืองเหอะ มาถึงเรื่องเซ็งจริงๆ ในตอนนี้ดีกว่า ผมไม่หวังว่าใครจะต้องเข้ามาอ่าน หรือใครจะต้องเห็นด้วย แต่อย่างที่บอก "เซ็ง!" ก็เลยอยากระบาย

ตลอดมา ผมถือว่าเรื่องรัก เรื่องเซ็กส์ หรืออะไรทำนองนี้ เป็นเรื่องส่วนตัว ระหว่างเขากับผม จะรักไม่รัก จะคบไม่คบ ก็เป็นเรื่องของผมและเขา ไม่ใช่เรื่องของใครคนอื่น แน่นอนว่าคนรอบข้าง หรือคนสนิทอาจเป็นคนที่เราขอคำปรึกษา หรืออีกหลายคน ก็อาจบอกกล่าว ให้ข้อมูล ตักเตือน ช่วยเหลือ ฯลฯ ซึ่งก็แค่นั้น สุดท้าย จะหัวหกก้นขวิด จะแห้ว หรือจะอะไร ก็เป็นเรื่องของผมและเขา ไม่ใช่เรื่องของ ผม เขา และคนอื่นๆ

วิธีการคบหาของหลายๆ คนก็ไม่เหมือนกัน บางคนก็เนียนๆ ตีสนิทไปเรื่อย หยอดไปเรื่อย บางคนก็เริ่มจากเพื่อน จากพี่ จากน้อง ค่อยเป็นค่อยไป และบางคู่ ก็รักกันตั้งแต่แรกพบ และอีกหลายๆ คนก็เป็นรักข้างเดียว ทั้งหมดเป็นวีถีที่เกิดขึ้นกับการเริ่มต้นความสัมพันธ์ของคนสองคน

ถ้าแบบว่าเจอกันปุ๊บ ปิ๊งกันปั๊บ ก็ดีไป ไม่ต้องอะไรให้มากความ ก็ได้เริ่มต้นเรียนรู้กัน แต่แบบอื่นๆ แน่นอนว่าต้อง เป็นที่มาของคำว่า 'จีบ'

หลายเคส การจีบ ก็ต้องเริ่มแบบเรื่อยๆ เรียงๆ ค่อยเป็นค่อยไป ต้องรอเวลา ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นแฟน แค่เจอหน้า ไปโน่นนี่ ด้วยกันสองคน หรือกับหลายๆ คน ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นแฟน แต่อยูในช่วง จีบ

ที่มาของเรื่องเซ็งๆ ก็ตรงนี้ล่ะครับ ไม่รู้เป็นความห่วงใย หวังดี หรืออะไรก็แล้วแต่ คือมีคนที่คิดว่าไม่อยากให้คนใกล้ตัว คนแกงค์เดียวกัน กลุ่มเดียวกัน หรือเจอะเจอกันบ่อยๆ คบกัน จีบกัน หรือรักกัน เพราะกลัวว่า หากไปกันไม่ได้ในสักวัน ก็จะมองหน้ากันไม่ติด เกิดรอยร้าวในกลุ่ม ผมถือว่าก็เป็นความหวังดีอย่างหนึ่งนะ แต่มันก็เป็นการมองมุมเดียว (และดูจะเป็นการมองโลกในแง่ร้ายไปหน่อย) ซึ่งไม่ถูกต้องไปทั้งหมด เพราะในหลายๆ คู่ที่เลิกกัน ก็ยังคงเป็นเพื่อน เป็นพี่น้อง ที่ดีต่อกันได้ อย่างไหนจะมาก จะน้อยกว่ากันผมไม่รู้ ไม่มีสถิติ รู้แต่ที่ผ่านๆ มา เวลาที่ผมเลิกกับใครก็ยังคงรู้สึกดีต่อกัน แม้บางครั้ง ช่วงแรกๆ อาจเฮิร์ตบ้างอะไรบ้าง หรือแตกแยกกันไปก็จริง แต่เวลาก็ช่วยให้ดีดังเดิมในที่สุด ..และตรงนี้แหละที่ทำให้เซ็ง

มันเริ่มจากตรงนี้ครับ โอเค...ถ้ารักกันก็หมายถึงสองคนรักกันแบบห้ามไม่ได้ฉุดไม่อยู่ ก็ห้ามไม่ได้หรอก แต่ไอ้จีบกันเนี่ยะ บางครั้งก็ต้องอาศัยเวลา อาศัยการเข้าหา คบหา ไปจนถึงการตื้อ แล้วแต่วิธีของแต่ละคม สำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง ก็เป็นปกติของความรัก ของแบบนี้ บังคับกันไม่ได้ ตบมือข้างเดียวก็ไม่ดัง

มันอยู่ตรงที่ บางครั้งเริ่มต้น จีบ ก็ต้องการเวลาเพื่อพิสูจน์ แต่กลับเป็นว่า เรื่องที่ควรเป็นเรื่องของคนสองคน ก็กลายเป็นเรื่องที่คนห่วงใย (หรือบางคนอาจจะหึงหวง!) ขอเข้ามามีส่วนแบบไม่ได้รับเชิญในเครื่องที่ควรจะเป็นเรื่องของแค่คนสองคน เขาไม่ยินดีในการคบหากัน อย่างที่บอกในย่อหน้าที่แล้ว เพราะกลัวไปเองว่า เลิกกันต้องไม่ดี ฯลฯ และที่ตลกก็อย่างที่บอกไปแล้วเช่นกันคือ เพราะเป็นคนใกล้ตัว! ...งั้นถ้าทำตัวห่างๆ กัน ก็จะกลายเป็นคนไกลตัวไปเองน่ะสิ 555

ก็เลยกลายเป็นความกดดันมากมาย จนทำให้จากที่โดนจีบ ซึ่งเขาเฉยๆ อยู่แล้ว (ซึ่งแน่นอน ก็ต้องใช้เวลาในการจีบนิ!) ก็เลยเซ็ง เบื่อ และอีกมากมาย แล้วแต่แต่ละคนจะแสดงออกอย่างไร ทั้งที่ในความจริง คนที่เป็นคนจีบไม่ได้ต้องการความหวือหวา แต่ต้องการเริ่มต้นอย่างเพื่อน อย่างพี่น้อง หรือจะเรียกง่ายๆ ว่า อย่างที่เป็นอยู่ (เคยมั้ย ที่ไปทานข้าว ดูหนังกับเพื่อนสองแค่คน ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นแฟนกัน แต่เพราะสนิทกัน) พอมีอะไรมาวุ่นวายแบบนี้ หลายอย่างก็เปลี่ยนไป ทั้งที่ก็ยังไม่ได้ทำอะไร ยังแทบจะไม่ได้เริ่มต้นอะไร

คนเราจะรู้ว่าเข้ากันได้ ไปกันด้วยดีหรือเปล่า ก็มีวิธีเดียวล่ะครับ ก็คือคบกัน ทำความรู้จักกัน หรือจะให้ทำงัยนอกจากนี้ล่ะคับ ช่วยบอกผมหน่อย

พอเรื่องวุ่นๆ เกิดขึ้น แทนที่จะได้เริ่มต้นแบบพี่น้อง หรือเพื่อนกัน ก็เลยต้องบอกไปหมดว่าคิดอะไร และจะทำอย่างไร ก็เลยเหมือนยัดเยียดความรู้สึกของเราให้กับคนที่ยังไม่ได้คิดอะไร (ที่ก็ไม่แน่ว่าต่อไปอาจจะคิด หรืออาจจะไม่ตลอดไปเลยก็ได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก) พอโดนยัดเยียดอะไรมากเข้า แน่นอนครับ เป็นผมก็ไม่เอาหมดเลย อย่ามายุ่งกะกรู ไม่ไหวละ !!

อีกอย่างหนึ่ง ถ้าหากจะยังคิดจีบต่อไป จะฝืนต่อไป ก็คงต้องเจอผู้ปรารถนาดีมายุ่งวุ่นวายในเรื่องส่วนตัวของคนอื่น อย่ากระนั้นเลย เขา (ที่โดนจีบ) เลยบอกทำนองว่า 'อย่ามายุ่งกันอีกเลย' ...ที่สุดแล้วเป็นงัยล่ะครับ ก็จบลงแบบที่ไม่ต้องคุยกัน เจอหน้ากันก็คงอึดอัด ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้คบกันเป็นแฟน

เพราะความปรารถนาดีที่ไม่ค่อยเข้าท่า ของแถมก็เลยกลายเป็นผิดใจกับคนที่ปรารถนาดีไปอีกคน ซึ่งก็คงสะใจดีนะครับ ได้ความผิดใจกันเพิ่มขึ้นอีกคนสองคนในคราวเดียวกัน แล้วเช่นนี้หรอที่หวังดี ไม่อยากให้คนใกล้ตัวคบกัน พอเลิกกันแล้วผิดใจกัน ทั้งที่เขา (ที่โดนจีบ) ก็ยังไม่ได้คิดอะไรใดๆ และคนที่จีบ ก็ยังไม่ได้จะเริ่มอะไรมากมาย ที่สำคัญ คนที่จีบต้องการให้เป็นอย่างที่เป็นก่อนหน้า คือ เจอกัน คุยกัน กินข้าว ดูหนัง เที่ยวด้วยกัน จะด้วยกันแค่สองคน (ซึ่งก็ดีสิครับ) หรือจะสามคน หรือหลายๆ คน ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะยังไม่ได้เป็นแฟน แต่เป็นช่วงที่ขอพิสูจน์ให้เห็น และจีบ สบายใจดีออก

ขอบคุณกับคนปรารถนาดี ที่ห่วงใยในความสัมพันธ์ของคนสองคนครับ

ขอบคุณที่ทำให้เซ็ง!!!

ปล. โกรธนิดหน่อย (นิดเดียวจริงๆ) แต่เซ็งมากกว่าครับ

No comments: