24 April 2009

ความทรงจำ...ที่ฉันภูมิใจ

(ความทรงจำ...ที่แสนภูมิใจ)
ก่อนกลับบ้าน คุณแม่ท่านโทรมาถามว่าไปขึ้นรถไฟฟ้าบีทีเอสมาหรือเปล่า เราก็งงว่ามามุกไหน ปกติก็ไปกลับบีทีเอสอยู่แล้ว แต่บีทีเอสหน้าบ้านยังไม่เสร็จ กระทั่งจะเข้าบ้านราวเที่ยงคืน พบว่าบนสถานีรถไฟฟ้าหน้าบ้านไม่เพียงแต่เปิดไฟสว่าง ยังมีคนอออยู่บนรถไฟฟ้า และแผ่นป้ายหน้าทางขึ้นสถานีรถไฟฟ้าหน้าบ้านเขียนไว้ "ความทรงจำ...ที่แสนภูมิใจ" อะไรฟระ!?!?
(บันไดลงไปยังเกาะกลางถนน)

(ทิวทัศน์จากรถไฟฟ้า ยามราตรี)
งานอะไรเนี่ยะ อย่างกะเขียนเรียงความตอนประถม เขาบอกว่าท่านผู้ว่ากรุงเทพมหานคร กำลังเดินทางมาเปิดงาน ...อะไรนะ เปิดงานเที่ยงคืนกว่าๆ เนี่ยะนะ!?!? ไม่ได้ละ ขอไปดูกะตา ว่าแล้วก็เปิดบ้าน ทิ้งของกองกะพื้น รีบออกมาร่วมแจมกะเขาในฐานะสื่อมวลชนจำเป็น
(ท่านผู้ว่าฯ กล่าวเปิดงาน)
ได้ความว่า วันนี้เป็นวันที่เขาพร้อมจะทดลองเดินรถแบบมีผู้โดยสารเป็นครั้งแรก หลังจากเริ่มดำเนินการทดสอบระบบอาณัติสัญญาณและระบบที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม - 12 เมษายน และเริ่มทดลองระบบการให้บริการแบบไม่มีผู้โดยสารตั้งแต่เมื่อวันที่ 13 เมษายน และเพื่อให้มั่นใจได้ว่า จะเปิดให้ใช้ฟรี ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคมที่จะถึงนี้แน่นอน (ไปจนถึงวันที่ 12 สิงหาคม 2552 - วันแม่แห่งชาติ)
ที่สำคัญ ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่จะได้ร่วมข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส หลังจากใช้เวลาก่อสร้าง (สถานี) มากว่า 3 ปี รวมระยะทาง 2.2 กิโลเมตร หรือสองสถานี คือ วงเวียนใหญ่ (S8) และ กรุงธนบุรี (S7)
(บนชานชลา)
หลังจากรอท่านผู้ว่าฯ เดินทางอย่างเลตเกือบตีหนึ่ง เหล่านักข่าวนอกจากจะรุมถ่ายภาพยังเสร่อสัมภาษณ์แบบไม่เกรงใจแขกคนอื่นที่มาร่วมงาน ท่านผู้ว่าฯ เองก็ดันรับมุกตอบคำถามผู้สื่อข่าวอย่างเมามันส์ ทั้งที่ก็เหหมือนในการกล่าวรายงานเปิดงาน ที่จะมีขึ้นอย่างเป็นทางการต่อไป สร้างความหงุดหงิดและร้อน แก่ผู้ร่วมงาน
กระทั่งท่านผู้ว่าขึ้นกล่าวเปิดงาน สื่อมวลชนก็เบียดบังเพื่อถ่ายภาพ ไม่สนว่าจะบังคนที่เขาเกรงใจไปยืนถ่ายภาพด้านหลัง และหัวกระบาลผู้มาร่วมงานหรือไม่ นี่ถ้าตามไปถ่ายภาพท่านผู้ว่าฯ ขี้ได้ ก็คงไป
(สถานีวงเวียนใหญ่)
ท่านผู้ว่าฯ สุขุมพันธุ์ บริพัตร กล่าวเปิดงานด้วยความตื้นตันแบบไม่ใช้โพย ว่าตอนหาเสียงบอกไว้ว่าจะเปิดเดินรถไฟฟ้าได้ในวันที่ 15 พฤษภาคม ตอนแรกก็มั่นใจ ใจชื้นเพราะผู้สมัครคนอื่นก็พูดว่าจะเปิดใช้ได้วันเดียวกัน แต่เมื่อมาเป็นผู้ว่าฯ ก็ต้องลุ้น เพราะมีปัญหาหลายอย่างให้จัดการ ไม่ใช่ง่ายๆ อย่างที่เห็น พอมาวันนี้ก็เริ่มเบาใจว่าวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ใช้ได้แน่นอน ก็เหลือไปลุ้นอีกทีในวันที่ 15 นั่นแหละ
(รถไฟมาแล้ววว)
จากนั้นเป็นไฮไลต์ของค่ำคืน คือขึ้นไปบนชานชลาชั้น 3 รถไฟฟ้าก็ค่อยๆ ปรากฏจากความมืด จำนวน 4 ตู้ ขยายมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะอีกหนึ่งตู้ สื่อมวลชน และแขกเกรื่อพากันรุมถ่ายภาพคู่กะรถไฟฟ้า ...เอ่อ.. มันต่างจากรถไฟฟ้าปกติตรงไหนหรอจ้ะ
(วิวจากบนรถไฟฟ้า กลางแม่น้ำเจ้าพระยา)
แล้วรถไฟฟ้าก็เคลื่อนออกไป แวะพักที่สถานีกรุงธนบุรี เพื่อให้เห็นสภาพยังไม่เสร็จแป๊บนึง ก่อนจะมุ่งตรงไปข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา สู่จุดหมายสถานีสะพานตากสิน พอมาถึงกลางแม่น้ำเจ้าพระยา รถไฟฟ้าก็เริ่มชะลอ และหยุดนิ่งอยู่บนกึ่งกลางแม่น้ำ แล้วไฟก็ดับลง เพื่อให้ได้เก็บภาพบรรยายกาศกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ...แต่มืดตื๋อเลยอ่ะสิ จบข่าว!! เก็บภาพมาได้เท่าที่เห็นนั่นแหละ จากนั้นไฟจึงสว่าง และเริ่มเดินทางต่อ
เมื่อถึงสถานีสะพานตากสิน ก็ไม่เปิดให้ลง เพราะไม่รู้จะลงไปทำไม เพราะจะต้องกลับไปสู่สถานีวงเวียนใหญ่เช่นเดิม ว่าแล้วไปกี่นาที รถไฟฟ้าก็แล่นกลับไปยังจุดหมายปลาย อันเป็นสถานีต้นทางตามเดิม เลยถือโอกาสถ่ายภาพจากบนสถานี คู่กับบ้านข้าพเจ้าเป็นที่ระลึก หลังไหน เดากันนะ :)
(สถานีรถไฟฟ้าวงเวียนใหญ่ตอนตีหนึ่ง)
ส่งท้ายงานคืนนี้ ด้วยการรับประทานข้าวต้ม แต่ผู้เขียนหนึกลับเข้าบ้านก่อน เพราะร้อนเต็มทน เข้าบ้านก็นึกเสียดาย ว่าน่าจะไปหม่ำเสียหน่อย จะได้บันทึกไว้ว่า ได้หม่ำข้าวต้มบนสถานีรถไฟฟ้าเชียวนะ
ภูมิใจจริงๆ เพราะรอมาร่วมทศวรรษแล้ว

No comments: