07 August 2009

ประสบการณ์ผ่าตัด (ตอนที่ 1)


รูปคู่กะโค้กซีโร่ของนิดหน่อย ก่อนวันผ่าตัดสองวัน นัยว่าต้องจากน้ำอัดลม และอื่นๆ ไปอีกหลายเดือน




ความเดิมที่ไปแอดมิตในโรงพยาบาลที่เคยไปใช้บริการประจำ บัดนี้คงไม่ไปแล้วล่ะ เซ็ง
ก็เปลี่ยนโรงพยาบาล เป็น โรงพยาบาลธนบุรี แถวพรานนก เนื่องจากคุณยายเคยรับการรักษากับคุณหมอ ณรงค์ เลิศอรรฆยมณี ที่เป็นคุณหมอจากศิริราช มารับรักษาเป็นเวลาที่โรงพยาบาลแห่งนี้ ผมไปพบคุณหมอเมื่อวันอังคารที่ 28 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เริ่มจากโรงพยาบาลนี้ก่อนเลย ว่าเป็นโรงพยาบาลเอกชน ที่ดูเผินๆ นึกว่าเป็นโรงพยาบาลรัฐบาล เพราะคนไข้เยอะเหลือเกิน ยิ่งเทียบกับโรงพยาบาลเก่าที่ว่ามา โรงพยาบาลนี้ต้องเรียกว่าหนาแน่นมาก
ได้พบคุณหมอตอนเย็น ก็ตามระเบียบ คุณหมอดูฟิล์มเอ็กซ์เรย์ ก็บอกตามที่เห็นว่าพบนิ่วในถุงน้ำดีจริง อันที่จริงหลายๆ คนก็มีนิ่วในถุงน้ำดี เพียงแต่ ถ้าไม่แสดงอาการอะไร ก็ปล่อยไว้เรื่อยๆ ก็ไม่มีปัญหา ไม่ต้องไปยุ่งกับมัน แต่ถ้ามีปัญหาอย่างที่ผมเป็นนี้ คือแสดงอาการต่างๆ เช่น ท้องอืด เฟ้อ ปวดบริเวณลิ้นปี่ (กระเพาะ) และมักมีอาการทันทีหลังทานอาหารมันๆ คลื่นไส้ ฯลฯ ก็ควรมาตรวจ เพราะบ่งบอกอาการของหลายโรค เช่นโรคกระเพาะ และถ้ารักษาเบื้องต้นไม่ได้ผล ก็ควรทำอัลตร้าซาวนด์ เพื่อเช็คถุงน้ำดี และช่องท้องส่วนบน หากไม่เจออะไรผิดปกติ ค่อยทำการส่องกล้องที่ช่องท้อง ตามลำดับ
ในเคสของผม คุณหมอแนะนำให้ผ่าตัดนำถุงน้ำดีออก ถามว่าทำไมไม่ผ่าเอานิ่วออกอย่างเดียวล่ะ ก็เพราะว่า ถ้ามันแสดงอาการแล้ว ก็หมายความว่าถุงน้ำดีมีปัญหาแล้วล่ะ ถึงจะผ่าเอาแค่นิ่วออกไป ก็จะเกิดอาการเช่นนี้ได้อีกต่อไป การตัดถุงน้ำดีออกไป จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เนื่องจากถุงน้ำดีเป็นตัวพักน้ำดีที่ผลิตจากตับเพื่อไปย่อยไขมันในลำไส้
คุณหมอบอกว่า ช่วงแรกๆ ที่เอาถุงน้ำดีออกไปแล้ว อาจจะมีอาการท้องอืดเวลาทานอาหารมัน หรือบางรายก็มีอาการท้องเสีย ซึ่งก็เป็นปกติ เพราะไม่มีที่พักน้ำดี แต่ต่อไปท่อน้ำดี ที่เป็นตัวลำเลียงน้ำดี จะขยายตัวขึ้นและทำหน้าที่แทนถุงน้ำดีได้เอง แต่อย่างไรก็ควรเพลาๆ การทานอาหารมัน
ตกลงก็เลยต้องผ่าตัดอย่างที่คาดไว้แล้ว คุณหมอว่า ถ้าว่างเมื่อไหร่ ก็มาเอาออก ผมเลยบอกคุณหมอว่าขอกลับไปเคลียร์งานก่อนแล้วจะนัดวันผ่าตัดอีกที เสร็จจากการพบคุณหมอ ก็ไปสอบถามราคาที่ฝ่ายการเงิน เขาคิดคร่าวๆ ว่า แสนสาม!!! โอ้วว ทำไมมันแพงขนาดนี้ เดินออกมาบอกแม่ว่า ไม่ต้องผ่าละ ซื้อโรเล็กซ์ให้ดีกว่า เวลาปวดอีกก็เอานาฬิกามาลูบๆ บรรเทาปวดละกัน - 555 ล้อเล่นน่ะ ปวดขึ้นมาทีนี่รับไม่ได้เลยนะ
คืนนั้นก็เลยคิดแต่เรื่องผ่าตัด เครียดๆๆๆ พอเครียดมาก เพราะเกิดมาไม่เคยผ่าตัด ก็เลยปวดท้องขึ้นมาอีก แทนที่จะได้นอนพักผ่อน ก็เลยไม่ได้นอนกันเลย เรียกว่าคืนนั้น 3 in 1 เลยล่ะ
รุ่งขึ้นเข้าออฟฟิตก็เคลียร์งานโน่นนี่ หมดไปหนึ่งวัน วันพฤหัส ที่ออฟฟิตมีทำบุญออฟฟิต ขณะเดียวกัน ก็มาคิดว่า ถึงไม่ผ่าตัดอาทิตย์นี้ ก็ต้องเป็นอาทิตย์หน้าอยู่ดี แถมต้องทานแต่ข้าวต้ม โจ๊ก และยาไปเรื่อยๆ จนถึงอาทิตย์หน้า ไหนๆ ก็ไหนๆ อาหารวันทำบุญ เยอะแยะและน่าทานมากมาย เลยตัดสินใจว่า เสาร์นี้เลยละกัน และก็ได้ความว่า วันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม ต้องไปโรงพยาบาลเพื่อจองห้อง เช็ค และเตรียมร่างกายตั้งแต่เจ็ดโมงครึ่ง และให้งดน้ำงดอาหารตั้งแต่เที่ยงคืนวันศุกร์ต่อเช้าวันเสาร์เพื่อตรวจเลือดด้วย
วันพฤหัสที่ว่านั้น อดใจไม่ไหว เลยแอบหม่ำลูกชิ้นปิ้ง และหมูสะเต๊ะ ไปหลายไม้ ผลก็คืออาการเจ็บถุงน้ำดีกำเริบไปจนถึงวันศุกร์ ตอนเย็นก็ซ้ำเติมร่างกายด้วยข้าวต้มมื้ออำลาจากนิดหน่อย ส่วนคืนวันศุกร์ก็เป็นมื้ออำลาจากน้องบิ๊ก
และแล้ววันเสาร์ก็มาถึง...




ปล. ลองค้นในพจนานุกรมออนไลน์ เขามีศัพท์ 'การศัลยกรรมเอาถุงน้ำดีออก' เป็นภาษาอังกฤษว่า 'cholecystectomy'

No comments: