10 August 2009

ประสบการณ์ผ่าตัด (ตอนที่ 4 - จบ)


นิดหน่อยส่งดอกไม้มาเยี่ยม
คุณหมอ ณรงค์ แพทย์เจ้าของไข้ และ แพทย์ผู้ผ่าตัดบอกผมเมื่อวันที่ไปตัดไหม (8 สิงหาคม - เพราะหลังวันผ่าตัดไม่ได้เจอคุณหมอเลย แต่หลังผ่าตัด คุณหมอได้เจอคุณแม่และแจ้งให้ทราบแล้ว) ว่า "รู้ไหม เคสคุณทำเอาผมเกือบแย่!" ขนาดนั้นเลย?
"คือมันอักเสบมากแล้วน่ะ" คุณหมอบอก ...อันที่จริง บอกมากกว่านี้ แต่ขอไม่เล่ารายละเอียด เพราะเล่าแล้วคนเข้ามาอ่านคงรับไม่ได้ ผมฟังแล้วยัง หูผึ่ง ตาโพลง จริงหรอคุณหมอ!? บอกได้นิ่งในถุงน้ำดีของผมเป็นมานานแล้ว จนผนังถุงน้ำดีหนาขึ้นมาก บ่งบอกอาการอักเสบได้ระดับหนึ่ง นี่ผมทนมาได้นานขนาดนี้เลยหรอ
อ่านเจอในบันทึกของตัวเองว่า คืนผ่าตัดเสร็จรู้สึกเจ็บตลอดที่แผลเจาะท้อง 4 รู โดยเฉพาะที่สะดือ 4 รูที่ว่า คือใต้สะดือ หน้าท้องขวา ลิ้นปี่ และชายโครงขวา เพราะผ่าตัดแบบใช้กล้องส่อง ตรงสะดือรูใหญ่กว่าใคร เพราะเป็นที่ต้อท่อสำหรับดึงเอาชิ้นเนื้อออกมา สามรูที่เหลือเอาไว้สอดเครื่องมือผ่าตัด ปวดหน่วงๆ และระคายที่สะบักขวา แต่ตรงที่ตัดเอาถุงน้ำดีออกข้างในร่างกลับไม่ค่อยรู้สึก

ถ่ายจากระเบียงโรงพยาบาล ซ้ายคือพระบรมมหาราชวัง ขวาวัดอรุญฯ
การผ่าตัดแบบสอดกล้อง เป็นที่นิยมใช้ในการผ่าตัดปัจจุบันมาก เพราะแผลเล็ก จึงลดการพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลได้กว่าครึ่งหนึ่งของการผ่าตัดเปิดช่องท้องแบบเดิม ที่แผลยาว และต้องพักฟื้นทั้งที่โรงพยาบาล และที่บ้านนานเป็นเดือน อย่างของผม ผ่าตัดเย็นวันเสาร์ วันจันทร์ก็เดินปร่อ พร้อมกลับบ้านแล้วว่างั้น
คืนนั้นหลับๆ ตื่นๆ เพราะพยาบาลเข้ามาตรวจอาการตลอด ถามว่าปัสสาวะหรือยัง ก็บอกว่ายัง แต่สักพักก็ปวดปัสสาวะ ลุกขึ้นไปห้องน้ำอย่างทุลักทุเล ทั้งปวดแผล เพราะลุกขึ้นไม่ถูกท่า ไหนจะมีสายน้ำเกลือ และยังคอแห้งเพราะฤทธิ์ยานอนหลับ
พยาบาลแนะนำวันรุ่งขึ้นถึงวิธีการลุกนั่ง และยืน ว่าให้ลุกขึ้นนั่งโดยหันข้าง อีกมือหนึ่งประคองแผลเพื่อลดแรงกระเทือน ก็ได้ผล ลดอาการปวดได้เยอะเลย เดินไปทำธุระในห้องน้ำได้สะบาย
ถ่ายรูปตอนดึก จุดเดิม วิวเดิม
คุณหมอแนะนำว่าหลังผ่าตัดแบบนี้ ควรเดินให้มากๆ เพราะเวลาผ่าตัดต้องอัดแก๊สเข้าช่องท้องเพื่อง่ายต่อการผ่าตัด ทำให้ยังมีลมค้างอยู่ในช่องท้อง ก็อาจจะปวดท้อง ปวดไหล่ได้ แล้วแต่กรณี การเดินบ่อยๆ จึงจะช่วยไล่ลมที่อยู่ในช่องท้องได้เป็นอย่างดี
เช้าวันรุ่งขึ้นเจ็บแผลผ่าตัด คงเพราะฤทธิ์ยาแก้ปวดหายไปแล้ว แต่ก็ไม่หนักหนา ลุกเดินได้ร่าเริง บ่ายๆ น้ำเกลือหมด เขาก็เอาเข็มออก เย้ๆๆ ได้อาบน้ำได้อะไรโน่นนี่ได้เองแล้ว คราวนี้ก็เดินว่อน ขึ้นลงตึกพักผู้ป่วย (มีเซเว่นอีเลเว่นอยู่ข้างล่าง)
และก็มีช่อดอกไม้จากนิดหน่อย ประดับห้องให้สดใส ผ่าตัดนี้ไม่ค่อยได้ให้ใครมาเยี่ยม เพราะคิดว่าอยู่ไม่นาน คราวแรกคิดว่าวันจันทร์ก็คงออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ก็เลยบอกทุกคนว่าไม่ต้องมาหรอก เดี๋ยวก็ออกแล้ว ครั้นจะให้ไปเยี่ยมที่บ้าน คงออกมาเปิดประตูไม่ได้นำ อยู่พักฟื้นที่บ้านคนเดียว และประตูบ้านหนักมาก ยกประตูเปิดไม่ได้
แต่เอาเข้าจริง วันจันทร์คุณหมอไม่มา ก็เลยต้องอยู่ต่ออีกคืน โหย เซ็งมาก การอยู่โรงพยาบาลนี่มันน่าเบื่อจริงๆ เพราะจะเดินออกไปซื้อของกิน เดินเล่นนอกโรงพยาบาลก็ไม่ได้ ห้องก็เล็กๆ เดิมๆ มิน่าล่ะ ใครๆ ก็อยากออกจากโรงพยาบาลเร็วๆ
ปิดท้ายด้วย คำขอบคุณครับ ที่โทรมาหา เอาของมาเยี่ยม โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่ที่อยู่ไม่ห่างเลย จุ๊บ จุ๊บ จริงๆ แค่ได้รับ sms หรือข้อความใน msn หรือ facebook ก็ดีใจมากแล้ว
ขอบคุณทุกคนมากครับ :)

No comments: